วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

นิทานชาดกเรื่อง "หมูจอมตะกละ"

นิทานชาดกเรื่อง "หมูจอมตะกละ"  



ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการประเล้าประโลมของเด็กหญิงอ้วนคนหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...
  
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในเมืองพารณาสี ที่บ้านพ่อค้าคนหนึ่ง มีโคหนุ่มสองพี่น้อง โคพี่ชื่อมหาโลหิต(แดงใหญ่) โคน้องชื่อจูฬโลหิต (แดงเล็ก) ได้ช่วยทำงานภาระกิจการของพ่อค้าเป็นอย่างดี และในบ้านนั้นยังมีหมูตัวหนึ่งชื่อมุณิกะ
   พ่อค้ามีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง ซึ่งมีกำหนดจะเข้าพิธีวิวาห์ในอีกหลายเดือนข้างหน้า พวกเขาจึงให้อาหารบำรุงหมูเพื่อให้เจริญเติบโตทันวันงานวิวาห์ เจ้าโคหนุ่มจูฬโลหิตเห็นเช่นนั้น เกิดความน้อยใจ จึงถามพี่ชายว่า 
      " ธุระการงานในตระกูล ดำเนินการไปได้ด้วยอาศัยเราสองพี่น้อง ผู้คนให้เพียงหญ้าและใบไม้เท่านั้น กลับไปบำรุงหมูผู้ไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไม ? " 
ผู้พี่ชายกล่าวว่า " เจ้าอย่าไปริษยาอาหารของหมูเลย เพราะหมูกำลังบริโภคอาหารเป็นเหตุตายในวันวิวาห์ของลูกสาวพ่อค้า "
แล้วกล่าวเป็นคาถาว่า
     " เธออย่าริษยาหมูมุณิกะเลย มันกินอาหารอันเป็นเหตุให้เดือดร้อน 
       เธอจงเป็นผู้ขวนขวายน้อย กินแต่แกลบเถิด นี่เป็นลักษณะแห่งความเป็นผู้มีอายุยืน "

วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

นิทานอีสป "เด็กน้อยกับต้นแอปเปิ้ล"

นิทานอีสป เรื่อง เด็กน้อยกับต้นแอปเปิ้ล


นิทานสอนใจเรื่องนี้ ให้ข้อคิดมากมายจากคุณลุงต้นแอปเปิ้ล ทั้งเรื่องความกตัญญู เรื่องการดูแลคนรอบตัว ลองดูกันนะจ๊ะ ได้ประโยชน์มากมายเลยโดยเฉพาะน้องๆ หนูๆ ที่กำลังโตเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

แก้วหน้าม้า (เวอร์ชั่นประยุกต์)

แก้วหน้าม้า (เวอร์ชั่นประยุกต์)

ตอนที่ 1
ณ กรุงมิถิลาอันกว้างใหญ่ไพศาล มีหัวเมืองขึ้นอยู่ถึงร้อยเอ็ดนคร พระราชาผู้ปกครองนครทรงพระนามว่า ท้าวภูวดลทรงมีพระมเหสีพระนามว่า พระนางนันทา ทั้งสองมีพระโอรสเพียงองค์เดียวคือ “พระปิ่นทอง” ผู้ทรงมีพระรูปโฉมหล่อเหลาปานเทพบุตรมาตั้งแต่เยาว์ จึงทรงเป็นที่รักของพระราชาและพระมเหสีอย่างยิ่ง

ภายในกรุงมิถิลานั้น มีสามีภรรยาคู่หนึ่งทำมาหากินพออยู่พอกิน ฝ่ายภรรยาได้ฝันว่ามีเทวดานำลูกแก้วมาให้นาง ต่อมาไม่นานนางจึงตั้งครรภ์และกำเนิดบุตรสาว และตั้งชื่อให้ว่า "แก้ว" ยิ่งโตขึ้นนางแก้วยิ่งหน้าเหมือนม้า มีคนล้อมากมายแต่นางก็ไม่ย่อท้อ ทำดีและช่วงงานตลอดมา และมีนิสัยที่ดี เป็นมิตรกับทุกคน

ติดตามตอนที่ 2-8 ได้ใน youtube ได้เลยจ้า 

ตอนที่ 2
มีวันหนึ่ง พระปิ่นทอง ได้ออกไปเล่นว่าวข้างนอกวัง และได้ทำว่าวหลุดมือไป ว่าวหลุดไปจนถึงบ้านนางแก้ว แต่นางแก้วไม่ยอมคืนโดยดี มีข้อแม้ว่าต้องรับนางเป็นพระมเหศี และแล้วเจ้าแก้วก็ได้
เข้าวังจนได้

ตอนที่ 3
 แต่พอนางแก้วได้ไปถึงวังท้าวภูวดลไม่ยอมรับและจะลากนางออกไปลงโทษและไล่ออกนอกวัง แต่พระนางนันทาขอไว้ว่าอย่างทำไรนางแก้วเลย ท้าวภูวดลเลยออกอุบายให้นางแก้วไปหาเขาพระสุเมรมาไว้ในเมืองให้ได้ ถึงจะได้แต่งงานกับพระปิ่นทอง

นางแก้วจึงได้ออกเดินทางเพื่อหาเขาพระสุเมร จนเดินทางเจอกับพระฤาษีกลางป่าในระหว่างเดินทาง และได้ให้ของวิเศษไว้หลายอย่าง และถอดหน้าม้าของนางแก้วออกมาด้วย และใช้เวลาเพียงวันเดียวก็ยกเขาพระสุเมรมาถึง แต่ ท้าวภูวดลได้ออกอุบายใหม่ให้อภิเษกสมรสกับนางทัศมาลี และให้พระปิ่นทองบอกนางแก้วว่าให้มีลูกก่อนที่เขาจะกลับมา ไม่งั้นจะโดนลงโทษ นางแก้วจึงรีบออกนอกเมืองและถอดรูปออกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "นางแก้วมณี"

ตอนที่ 4
นางแก้วมณีออกมาขออยู่กับตายายคู่หนึ่ง จนวันหนึ่งนางแก้วได้ยินว่าพระปิ่นทองจะเสด็จผ่านจึงแกล้งไปอาบน้ำบริเวณนั้น จนพระปิ่นทองเห็นและหลงรักนางแก้วมณี และพยายามตามหานางแก้วมณีจนพบและได้อยู่กินด้วยกันจนนางแก้วมณี จนนางแก้วมณีจนตั้งท้อง

พระปิ่นทองถึงเวลาต้องกลับเมืองหลวง และได้ชวนนางแก้วกลับเข้าเมืองหลวงด้วย แต่นางกลัวจะคลอดลูกระหว่างทางจึงขอคลอดลูกก่อนค่อยตามพระปิ่นทองไป พระปิ่นทองจึงให้แหวนวงนึงไว้เป็นตัวแทนและไว้ใช้เข้าเมืองได้อย่างปลอดภัย

ตอนที่ 5
พระปิ่นทองและเหล่าทหารออกเรือถึง 3 เดือน และโดนพายุพัดเข้าไปอยู่เขตแดนของเหล่ายักษ์ร้าย พระปิ่นทองได้ขอเทวดาให้มาช่วยเทวดาได้ลงมาช่วยป้องกันการโจมตีของเหล่ายักษ์ไว้ พระปิ่นทองจึงปลอดภัย พวกยักษ์ได้ไปฟ้องท้าวพานลาด ทำให้ท้าวพานลาดไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ทางด้านนางแก้วได้คลอดลูกและไปหาพระฤาษี พอได้ยินว่าพระปิ่นทองมีภัยอันตราย นางแก้วจะหาทางไปช่วยพระปิ่นทองทันที พระฤาษีจึงสอนวิชาแปลงกายให้นางแก้ว นางแก้วจึงแปลงเป็นผู้ชายชื่อ "เจ้าแก้ว" ฝากลูกไว้กับพระฤาษีและไปต่อสู้กับเหล่ายักษ์เพื่อช่วยพระปิ่นทองจนได้รับชัยชนะ และจัดการท้าวพานลาดจนสำเร็จ หลังจากนั้นจึงเข้าไปคุยกับฝ่ายยักษ์ที่เหลือ

ท้าวพานลาตมีลูกสาวอยู่สองนาง ชื่อว่า "สร้อยสุวรรณ" และ "นางจันทร" และพระปิ่นทองดูจะชอบนางทั้งสอง นางแก้วรู้และเข้าไปคุยเตี๊ยมกับนางทั้งสองและพากลับเมืองมิถิลา


ตอนที่ 6
นางแก้วไปพาลูกของนางกลับมาที่ชื่อว่า "ปิ่นแก้ว" กลับไปหาพระปิ่นทอง แต่พระปิ่นทองหาว่านางแก้วไปเอาลูกใครมาก็ไม่รู้ ไม่ยอมรับในตัวพระปิ่นแก้ว นางแก้วจึงพาพระปิ่นแก้วไปเลี้ยงจนโตเองตามลำพัง

นางทัศมาลีที่ท้าวภูวดลทรงหมั้นหมายไว้ให้นั้นก็มาตามหาพระปิ่นทองถึงในเมือง พอเจอนางแก้วก็มีเรื่องกันแต่นางสร้อยสุวรรณและนางจันทรมาช่วย จนนางทัศมาลีต้องหนีกลับเมืองไป


ตอนที่ 7
ทางด้านท้าวกายมาตจอมยักษ์ญาติของท้าวพานลาดที่ถูกเจ้าแก้วฆ่าตาย ได้มารู้ความจึงโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ยกทัพไปล้อมกรุงมิถิลาทันที

ทางด้าน "สร้อยสุวรรณ" และ "นางจันทร" เห็นท่าจะไม่ดีเลยบอกความจริงกับพระปิ่นทอง เพื่อจะได้ไปคุยกับนางแก้วให้ช่วยต่อสู้กับทัพของยักษ์ท้าวกายมาต จนในที่สุดนางแก้วก็แปลงกายเป็นเจ้าแก้วมาสู้กับท้าวกายมาตจนจัดการกับท้าวกายมาตและตีโต้ไล่เหล่าทัพยักษ์สำเร็จ ได้รับชัยชนะในที่สุด

ตอนที่ 8
ทางนางแก้วกลับมายังในเมืองและใส่รูปแก้วหน้าม้าเหมือนเดิม พระปิ่นทองที่รู้ความจริงแล้วจึงไปง้อแกมขู่ว่าถ้าไม่ยอมถอดรูปเขาจะยอมตาย นางจึงยอมถอดรูปแก้วหน้าม้าออก เป็นนางแก้วมณีแสนสวย

ต่อมาท้าวภูวดลก็จัดงานอภิเษกอย่างสมเกียรติและยกให้พระปิ่นทองเป็นกษัตริย์ และให้เชิญพ่อและแม่ของนางแก้วเข้ามาอยู่ในเมืองด้วย ให้ยศพ่อของนางแก้วเป็นถึงเจ้าพระยา หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขและสมเกียรติ

วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตำนานพญาแถนสู้รบกับพญาคางคก

ตำนานพญาแถนสู้รบกับพญาคางคก (พญาคันคาก)



ณ ปราสาทเมืองอินทปัตถ์ มีพระยาหลวงเอกราชและนางสีดาเป็นผู้ครองเมืองแห่งนี้

ในขณะที่นางสีดากำลังบรรมทมในยามค่ำคืน

เมื่อนางสีดาสดุ้งตื่นขึ้นมาก็เล่าความฝันให้พระราชาฟัง
นางสีดา : “ เสด็จพี่ เพค่ะ เมื่อคืนน้องได้ฝันว่าดวงอาทิตย์ได้ตกลงมาจากฝากฟ้าและลอยเข้ามาในปากของน้อง แล้วน้องก็กลื่นมันลงไปในท้อง หลังจากนั้นเนื้อตัวของน้องได้กลายเป็นสีเหลืองสด
ใสประดุจดังทองคำ ในความฝันยังแสดงให้เห็นว่า นางมีอิทธิฤทธิ์สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ นางได้เหาะไปยังเขาพระสุเมรุแล้วจึงเดินทางกลับมายังปราสาทราชวังเมืองอิทปัตถถ์ดังเดิม”
พระยาหลวงเอกราช : “ ถ้าเป็นจริงดังนั้นก็คงดีนะสินะ เสด็จน้องเราจะได้มีพระโอรสสืบทอดราชสมบัติต่อไป"

หลังจากนั้นไม่นาน นางได้คลอดบุตรออกมาเป็นพระโอรส หน้าตาอัปลักคล้ายคางคกเลยได้ชื่อว่าพญาคางคก
หมอหลวงได้ทำการทำนายดวงของพระโอรส
หมอหลวง : “พระยาหลวงเอกราช พะยะค่ะท่านอย่าทำร้ายพระโอรสนะพะยะคะ พระองค์นี้แหละจะช่วยให้บ้านเมืองเราอุดมสมบูรณ์ขึ้น”

เมื่อพญาคางคกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ต่างก็มีประชาชนไพร่ฟ้า สัตว์เดรัจฉานน้อยใหญ่ต่างเคารพนับถือ ประชาชน สัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายต่างอยู่เย็นเป็นสุข

ณ เมืองอินทปัตถ์ เมื่อพณาคางคกขึ้นครองราชแทนพระยาหลวงเอกราช
พญาคางคก : “ถวายบังคม พะยะคะ เสด็จพ่อ เสด็จแม่ เสด็จมาวันนี้ไม่ทราบว่ามีพระกรณียากิจอะไร พะยะค่ะ”
นางสีดา :  ”เป็นไงบ้างลูกสบายดีไหม”
พระยาหลวงเอกราช : “เป็นไงบ้างลูกสบายดีไหม ตอนนี้โตเป็นหนุ่มแล้วนะ พ่ออยากเห็นลูกอภิเษกสมรสเป็นครอบครัวเสียที”

ณ เมืองอินทปัตถ์ เมื่อพณาคางคกขึ้นครองราชแทนพระยาหลวงเอกราชหลังจากพญาคางคกอภิเษกสมรสกับนางแก้วพระฉายา เป็นที่เรียบร้อย บ้านเมืองก็ยังอุดมสมบูรณ์อย่างปกติ

พระยาแถน ทราบว่าพญาคางคก ได้ขึ้นครองเมืองจึงคิดอิจฉาและไม่พอใจ จึงคิดหาทางกลั่นแกล้ง แต่ก็รู้ดีว่าพญาคันคากมีบุญญาธิการและมีอิทธิฤทธิ์มากเกรงจะเป็นภัยแก่ตน จึงได้วางแผนการ
โดยที่ไม่ให้ฝนตกลงมายังมนุษยโลก

พระยาแถนประทับอยู่ยังปราสาทเมืองยุคันธร ที่เมืองนี้มีแม่น้ำคงคาอันกว้างใหญ่ไพศาล พระยาแถนมีหน้าที่ดูแลรักษาแม่น้ำยุคันธรแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีเขาสัตบริภัณฑ์ตั้งอยู่รายล้อมเขาพระสุเมรุ
ถึง 7 ลูก เมื่อครบกำหนดเวลาบรรดานาคจะลงมาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ฝนฟ้าก็จะตกต้องตามฤดูกาล แต่บัดนี้พระยาแถนไม่ยอมให้นาคลงไปเล่นน้ำดังแต่ก่อน จึงทำให้เมืองมนุษย์แห้งแล้ง ผู้
คน สัตว์ และพืช ล้มตายเป็นอันมาก

ณ เมืองอินทปัตถ์ เริ่มแห้งแล้งเพราะฝนไม่ตกตามฤดูกาล ตั้งแต่บัดนี้พระยาแถนไม่ยอมให้นาคลงไปเล่นน้ำดังแต่ก่อน จึงทำให้เมืองมนุษย์แห้งแล้ง ผู้คน สัตว์ และพืช ล้มตายเป็นอันมาก

เมื่อพญาคางคกได้ฟังเช่นนั้นจึงได้วางแผนเพื่อที่จะเจรจา ต่อรองกับพญาแถน
พญาคางคก : “พญานกเค้าแมวไปคุยกับพญาให้หน่อยสิทำว่าทำไมไม่ทำให้ฝนตกมายังโลกมนุษย์เราเลย”
พญานกเค้าแมว  : “ได้พะยคะ เดี่ยวจะลองขึ้นไปเจรจาต่อรองกับพญาแถนให้”

พญานกเค้าแมวก็ได้มาพูดคุยกับพญาแถน
พญานกเค้าแมว  : “พญาแถนทำไมถึงไม่ยอมให้ฝนตกลงไปยังโลกมนุษย์ดังเดิมหล่ะ พะยะค่ะ
พญาแถน : “ก็ไม่อยากให้ตกแล้วจะทำไม มีปัญหาเหรอ

พญานกเค้าแมวจึงกลับมายังโลกมนุษยืแห่งเมืองอินทปัตถ์ จึงมาแจ้งให้พญาคางคกทราบ
พญานกเค้าแมว : “ พญาคางคก ข้าพเจ้าได้ไปเจรจาต่อรองกับพญาแถนแล้ววนะแต่ไม่สำเร็จ”
พญาคางคก : “ อืม ถ้าอย่างนั้นเรามาหาทางแก้ไขกันใหม่ดีไหม ว่าจะวางแผนกันอย่างไร”

พญาคางคกหาข้อสรุปกับบริวารต่างได้แล้วก็เริ่มลงมือปฏิบัติทำตามแผนที่วางไว้

พญาคางคกได้ไปตามพวกครุฑ นาค ปลวก มาก่อภูเขาเพื่อทำทางขึ้นไปรบกับพระยาแถน โดยต่างฝ่ายต่างก็มีคาถาอาคม
พญาคันคากได้ร่ายเวทมนตร์ให้บังเกิดมีกบเขียดอย่างมากมายทำให้ชาวเมืองแถนตกใจกลัวเป็นอย่างยิ่ง
พระยาแถนเองก็ใช้คาถาอาคมเป่าให้เกิดมีงูร้ายมากมายหลายชนิด เพื่อมาจับกบและเขียดกิน

ช่วงต่อสู้ระหว่าง พญาแถน และพญาคางคก กันอย่างเคร่งเครียด

ไม่มีใครแพ้ใครชนะจากการต่อสู้กันในครั้งนี้จึงมีการท้า และตกลงกันเพื่อชนช้างกันหนึ่งต่อหนึ่ง

หลังจากที่ต่อสู้กันมานานต่างการสู้รบกันระหว่างพญาคันคากกับพระยาแถนเป็นไปอย่างดุเดือด ต่างคนต่างก็มีคาถาอาคมเพื่อต่อสู้กับศัตรูอย่างฉกาจฉกรรจ์
ปรากฏว่าไม่มีใครแพ้ใครชนะจึง ได้มาชนช้างกัน ในที่สุดพระยาแถนแพ้พญาคางคก

หลังจากที่ชนชางกันหนึ่งต่อหนึ่งพญาแถนเป็นฝ่ายแพ้จึงทำการคุยเจรจาข้อตกลงกัน

พญาคางคก : “พญาแถนเจ้าแพ้เราแล้ว เจ้าอย่าลืมทำตามข้อตกลงกันไว้นะที่จะให้พญานาคลงเล่นน้ำในสระใหญ่เพื่อให้ฝนตกลงไปยังโลกมนุษย์”
พญาแถน : “ยอมแล้วยอมแพ้ เราจะทะตามข้อตกลงที่ท่านเสนอทั้งหมด ท่านอยากได้อะไรว่ามาได้เลย”
พญาคางคก : “เราต้องการเพียงแต่เจ้าให้ฝนตกดังเดิมนั้นแหละ เราจะให้โลกมนุษย์ทำสัญญาณเตือนขึ้นมาเพื่อเตือนเจ้าดังนี้

1. ถ้ามวลมนุษย์จุดบั้งไฟขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อใด ให้พญาแถนสั่งให้ฝนตกในโลกมนุษย์
2. ถ้าได้ยินเสียงกบ เขียดร้อง ให้รับรู้ว่าฝนได้ตกลงมาแล้ว
3. ถ้าได้ยินเสียงสนู (เสียงธนูหวายของว่าว) หรือเสียงโหวด ให้ฝนหยุดตกเพราะจะเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวข้าว ตกลงไหม ?”
พญาแถน : “ เราตกลง”

หลังจากที่ได้สัญญากันแล้ว พญาแถนจึงได้ถูกปล่อยตัวไปและได้ปฏิบัติตามสัญญามาจนบัดนี้

ฝนเริ่มตกถูกต้องตามฤดูกาล

บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุขเพราะธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

นิทานการ์ตูนกระต่ายหมายจันทร์

นิทานการ์ตูนกระต่ายหมายจันทร์


ลึกเข้าไปในป่า มีกระต่ายตัวหนึ่ง มันได้เฝ้ามองดวงจันทร์มานานแสนนาน และเจ้ากระต่ายตัวนั้นชอบพระจันทร์เวลาที่พระจันทร์เต็มดวงที่สุด

ณ คืนหนึ่งมันรู้สึกว่ามันได้หลงรักพระจันทร์เข้าแล้ว และมันก็คิดว่าวันหนึ่งมันต้องขึ้นไปหาพระจันทร์ให้ได้

เมื่อกระต่ายตัวอื่นๆรู้ จึงบอกว่ามันบ้าไปแล้วไม่มีกระต่ายตัวใดไปอยู่บนพระจันทร์ได้หรอก แต่มันก็ไม่ได้สนใจและเริ่มออกเดินทางเพื่อไปหาพระจันทร์

มันพยายามหายอดเขาที่สูงที่สุดเพื่อปีนขึ้นไปหาพระจันทร์ และแล้วมันก็ได้พบกับสิ่งที่มันต้องการมันจึงเริ่มปีนขึ้นไปสูงขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆแม้จะลำบากและเหน็ดเหนื่อยเพียงใด

แต่เพื่อพระจันทร์ที่มันรัก กระต่ายจึงได้พยายามปีนต่อไปจนถึงยอดเขาจนได้

เมื่อถึงยอดเขาเจ้ากระต่ายก็ได้นั่งมองพระจันทร์และนึกถึงภาพที่มันฝันไว้การได้อยู่กับพระจันทร์ที่มันรักใกล้จะเป็นความจริงแล้ว

หลังจากนั่งพักเจ้ากระต่ายจึงมองขึ้นไปมองพระจันทร์ พระจันทร์ที่มันเห็นตอนนี้ช่างอยู่ใกล้เหลือเกินแต่ก็ยังไม่ใกล้พอที่ได้ไปหาได้ มันจึงปีนขึ้นต้นไม้บนยอดเขาขึ้นไปเพื่อให้ได้ใกล้กับพระจันทร์ขึ้นอีกสักนิด

เมื่อเจ้ากระต่ายอยู่บนยอดไม้ พระจันทร์ดูเหมือนแทบจะเอาเอามือคว้าได้ มันพยายามเอื้อมมือไปสัมผัสแต่ก็ไม่ถึง ใกล้แค่เพียงนี้ก็ยังไม่สามารถไปหาได้

มันจึงตัดสินใจรวบรวมแรงทั้งหมดเท่าที่มีกระโดดไปหาพระจันทร์ที่มันรักทันที สุดท้ายมันก็ได้ไปหาพระจันทร์อย่างที่มันหวัง แต่จะไปหาด้วยวิธีอย่างไรติดตามดูตอนจบได้เลย...

วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ราชสีห์กับหนู

นิทานอีสป ราชสีห์กับหนู
        วันหนึ่งได้มีราชสีห์ตัวหนึ่งนอนหลับกลางวันอยู่ที่ในป่าใหญ่ที่อัฟริกา แล้วในขณะนั้น ในขณะที่มันกำลังหลับอย่างสนิทอยู่นั้น ก็เผอิญได้มีแม่หนูตัวหนึ่งเดิน ผ่านมาอย่างรีบเร่ง มันคิดว่าได้เดินแหวกพงหญ้าอยู่แต่ที่ไหนได้ล่ะ ที่นั่น กลับกลายเป็นขนลำแพนคอของราชสีห์ไปเสียนี่.." ใคร?? ใครมันมาบังอาจ รบกวนการนอนหลับกลางวันของข้านี่..หือ " พูดเแล้วราชสีห์ตัวนั้นก็ใช้มืออัน ใหญ่โตของมันตะปบแม่หนูตัวนั้นไว้ในทันที



" นึกว่าอะไร..ที่แท้ก็เป็นแค่หนูตัวเล็ก ๆ ไม่พอยาใส้เป็นอาหารมื้อกลางวัน ของข้าได้หรอก " แม่หนูได้ยกมือขึ้นพนมแล้วได้พูดอ้อนวอนขอร้องกับ ราชสีห์ตัวนั้นว่า " ท่านราชสีห์ ได้โปรดช่วยไว้ชีวิตด้วยเถิด... เพราะที่บ้านของข้าพเจ้านั้นยังมีลูกๆ ที่ยังตัวเล็ก ๆอยู่ตั้งเจ็ดตัวและรอคอยการกลับ มาของข้าพเจ้าอยู่ "
 
" อ้อเจ้ามีลูกด้วยหรือ ก็เป็นแม่หนูสิ? "
 
"ใช่ค่ะ,แล้วตัวของข้าพเจ้านั้นก็เล็กแค่เพียงนิดเดียว กินเข้าไปก็ไม่สามารถที่จะทำ ให้ท่านรู้สึกว่าอิ่มได้เลยใช่ไหม?ถ้าท่านใจดีช่วยปล่อยข้าพเจ้าไปเสีย แล้วคงมีสักวัน หนึ่งที่ข้าพเจ้าจะกลับมาตอบแทนพระคุณของท่านให้จงได้ "

" ฮ่ะ ฮ้า ถ้าช่วยแล้วจะตอบแทนพระคุณในภายหลังให้อีกเสียด้วย ว่าแต่ว่าเจ้านั้นก็ตัวเล็กแค่เพียงเท่านี้เองน่ะ แล้วจะช่วยเหลืออะไรข้าได้ล่ะ..ฮ่ะ ฮ้า " มันพูดทั้งหัวเราะอย่างนั้นแล้วก็จริง แต่ราชสีห์ก็ได้นึกเห็นใจ แม่หนูที่มีลูกมากมายตั้งเจ็ดตัวรออยู่ที่บ้าน และในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยแม่หนูไปเสีย " ขอขอบคุณท่านราชสีห์เป็นอย่างมาก ที่ได้ไว้ชีวิตให้ในครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะ กลับคืนมาช่วยเหลือท่านในอนาคตข้างหน้าอย่างแน่นอน " แม่หนูหันหน้ามา บอกขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่มันจะเดินจากไป

อยู่ต่อมาไม่นานหลายวันจากนั้นในวันหนึ่ง, หลังจากที่ราชสีห์ตัวนั้นได้ตื่นขึ้นมาหลัง จากที่ได้นอนกลางวันแล้วตามปกติของมัน และมันก็เริ่มที่จะหิวขึ้นมานั่นเอง มันจึงได้ ออกเดินไปเรื่อย ๆ เพื่อที่จะหาเหยื่อหมายกินเป็นอาหารในตอนเย็นมื้อนั้นเสียด้วย... " อ้านนน...ได้กลิ่นดี ๆ ที่หอมหวลจัง " แล้วตอนนั้นมันก็ได้มองไปเห็นก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง ที่น่าอร่อยวางอยู่ตรงพื้นในบริเวณนั้น " นั่นมันก้อนเนื้อนี่.." มันกระโดดเข้าไปหมายกิน ในทันที แล้วในทันทีนั้นอย่างกระทันหัน...ตะข่ายก็ได้ตกลงมาจากด้านบน และราชสีห์ ก็ได้ถูกจับไว้ในตะข่ายนั้นอย่างหมดท่า

" กาววว์..." ราชสีห์ร้องออกมา ด้วยเป็นอันต้องติดกับดักที่เป็นตะข่าย ดังนั้นเมื่อมันรู้ตัวจึงพยายามที่จะดิ้นไปมาหมายให้ตัวมันเองหลุดจากตะข่าย ให้ได้ " มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอายเสียเหลือเกิน ที่ข้าต้องมาติดกับดักอย่าง ง่าย ๆ เพียงเพราะว่าข้าอยากที่จะกินก้อนเนื้อที่มันตกอยู่" ราชสีห์เสียใจที่ คิดผิดพลาดไป แต่อย่างไรมันก็เป็นสิ่งที่ช่วยอะไรไม่ได้เสียแล้ว แล้วในเวลานั้น ก็เผอิญกับที่แม่หนูกับลูก ๆของมันได้เดินทางผ่านมาทางนั้นเข้าพอดิบพอดี...

แม่หนูจำราชสีห์ได้ " ท่านราชสีห์ผู้ใจดี ได้โปรดรอสักครู่ ข้าพเจ้าจะ ตอบแทนพระคุณที่ท่านได้ช่วยไว้เมื่อครั้งก่อน โดยจะช่วยท่านให้พ้น จากตะข่ายเดียวนี้แหละ " ว่าแล้วแม่หนูก็ใช้ฟันอันแข็งแรงที่มันมีเป็นความ สามารถอันวิเศษเหนือใคร ๆ แทะเชือกที่เป็นตะข่ายอันนั้นให้เป็นการใหญ่... แล้วมันยังได้สั่งพวกลูก ๆของมันว่า " พวกเจ้าจงดูแม่เป็นตัวอย่าง อย่างนี้ แล้วปีนขึ้นมาช่วยกันแทะเชือกให้ขาดจากกันเร็ว ๆ " ลูก ๆ ของมัน มองอย่างนึกเกรงกลัวความเหนียวของเชือก แต่ก็ได้ร่วมมือกันปีนขึ้นไป แล้วช่วยกันแทะเชือกให้

" นั่นนายพรานป่ากำลังเดินมาทางโน้นแล้วนั่น...เร็ว ๆพวกเรารีบ ๆ ช่วยกัน " แล้วก็จริงอย่างที่แม่หนูได้พูดเพราะที่ไกลออกไปตรงลิบ ๆนั้นนายพรานป่า ได้ถือปืนและกำลังเดินมาอย่างรวดเร็ว...และก็พอดีกับในเวลานั้น ที่เชือก ได้ขาดออกจากกัน ทำให้ราชสีห์ตกลงมาสู่พื้นดินและได้เป็นอิสระอีกครั้งหนึ่ง " ขอบคุณเป็นอย่างมากพวกหนูใจดีทั้งหลาย เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า สัตว์ที่มีตัวเล็ก ๆอย่างพวกท่านจะมีความตั้งใจสูงตอบแทนพระคุณ ได้อย่างที่เคยบอก เราต้องขอโทษที่แต่ก่อนนั้น ไม่เชื่อว่าท่านจะช่วยเราได้ " เมื่อมันพูด ขอบคุณและขอโทษเสร็จแล้ว ก็รีบวิ่งหนีหายไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว....

ถึงแม้ว่าจะตัวเล็กมีพลังแค่เพียงน้อยนิดก็ตาม แต่ถ้าให้ความร่วมมือร่วมพลังกันแล้ว มันก็สามารถที่จะเปลี่ยนมาเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ได้อยู่เหมือนกัน ...