นิทานอีสป ราชสีห์กับหนู
วันหนึ่งได้มีราชสีห์ตัวหนึ่งนอนหลับกลางวันอยู่ที่ในป่าใหญ่ที่อัฟริกา แล้วในขณะนั้น
ในขณะที่มันกำลังหลับอย่างสนิทอยู่นั้น ก็เผอิญได้มีแม่หนูตัวหนึ่งเดิน
ผ่านมาอย่างรีบเร่ง มันคิดว่าได้เดินแหวกพงหญ้าอยู่แต่ที่ไหนได้ล่ะ ที่นั่น กลับกลายเป็นขนลำแพนคอของราชสีห์ไปเสียนี่.."
ใคร?? ใครมันมาบังอาจ รบกวนการนอนหลับกลางวันของข้านี่..หือ! " พูดเแล้วราชสีห์ตัวนั้นก็ใช้มืออัน
ใหญ่โตของมันตะปบแม่หนูตัวนั้นไว้ในทันที
" นึกว่าอะไร..ที่แท้ก็เป็นแค่หนูตัวเล็ก
ๆ ไม่พอยาใส้เป็นอาหารมื้อกลางวัน ของข้าได้หรอก "
แม่หนูได้ยกมือขึ้นพนมแล้วได้พูดอ้อนวอนขอร้องกับ ราชสีห์ตัวนั้นว่า "
ท่านราชสีห์ ได้โปรดช่วยไว้ชีวิตด้วยเถิด... เพราะที่บ้านของข้าพเจ้านั้นยังมีลูกๆ
ที่ยังตัวเล็ก ๆอยู่ตั้งเจ็ดตัวและรอคอยการกลับ มาของข้าพเจ้าอยู่ "
" อ้อเจ้ามีลูกด้วยหรือ ก็เป็นแม่หนูสิ? "
"ใช่ค่ะ,แล้วตัวของข้าพเจ้านั้นก็เล็กแค่เพียงนิดเดียว กินเข้าไปก็ไม่สามารถที่จะทำ ให้ท่านรู้สึกว่าอิ่มได้เลยใช่ไหม?ถ้าท่านใจดีช่วยปล่อยข้าพเจ้าไปเสีย แล้วคงมีสักวัน หนึ่งที่ข้าพเจ้าจะกลับมาตอบแทนพระคุณของท่านให้จงได้ "
" ฮ่ะ ฮ้า
ถ้าช่วยแล้วจะตอบแทนพระคุณในภายหลังให้อีกเสียด้วย ว่าแต่ว่าเจ้านั้นก็ตัวเล็กแค่เพียงเท่านี้เองน่ะ
แล้วจะช่วยเหลืออะไรข้าได้ล่ะ!..ฮ่ะ ฮ้า "
มันพูดทั้งหัวเราะอย่างนั้นแล้วก็จริง แต่ราชสีห์ก็ได้นึกเห็นใจ แม่หนูที่มีลูกมากมายตั้งเจ็ดตัวรออยู่ที่บ้าน
และในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยแม่หนูไปเสีย " ขอขอบคุณท่านราชสีห์เป็นอย่างมาก ที่ได้ไว้ชีวิตให้ในครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะ กลับคืนมาช่วยเหลือท่านในอนาคตข้างหน้าอย่างแน่นอน
" แม่หนูหันหน้ามา บอกขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่มันจะเดินจากไป
อยู่ต่อมาไม่นานหลายวันจากนั้นในวันหนึ่ง, หลังจากที่ราชสีห์ตัวนั้นได้ตื่นขึ้นมาหลัง
จากที่ได้นอนกลางวันแล้วตามปกติของมัน และมันก็เริ่มที่จะหิวขึ้นมานั่นเอง
มันจึงได้ ออกเดินไปเรื่อย ๆ เพื่อที่จะหาเหยื่อหมายกินเป็นอาหารในตอนเย็นมื้อนั้นเสียด้วย...
" อ้านนน...ได้กลิ่นดี ๆ ที่หอมหวลจัง " แล้วตอนนั้นมันก็ได้มองไปเห็นก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง ที่น่าอร่อยวางอยู่ตรงพื้นในบริเวณนั้น
" นั่นมันก้อนเนื้อนี่.." มันกระโดดเข้าไปหมายกิน
ในทันที แล้วในทันทีนั้นอย่างกระทันหัน...ตะข่ายก็ได้ตกลงมาจากด้านบน และราชสีห์ ก็ได้ถูกจับไว้ในตะข่ายนั้นอย่างหมดท่า
" กาววว์..."
ราชสีห์ร้องออกมา ด้วยเป็นอันต้องติดกับดักที่เป็นตะข่าย ดังนั้นเมื่อมันรู้ตัวจึงพยายามที่จะดิ้นไปมาหมายให้ตัวมันเองหลุดจากตะข่าย
ให้ได้ " มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอายเสียเหลือเกิน
ที่ข้าต้องมาติดกับดักอย่าง ง่าย ๆ
เพียงเพราะว่าข้าอยากที่จะกินก้อนเนื้อที่มันตกอยู่!" ราชสีห์เสียใจที่ คิดผิดพลาดไป
แต่อย่างไรมันก็เป็นสิ่งที่ช่วยอะไรไม่ได้เสียแล้ว แล้วในเวลานั้น
ก็เผอิญกับที่แม่หนูกับลูก ๆของมันได้เดินทางผ่านมาทางนั้นเข้าพอดิบพอดี...
แม่หนูจำราชสีห์ได้ "
ท่านราชสีห์ผู้ใจดี ได้โปรดรอสักครู่ ข้าพเจ้าจะ ตอบแทนพระคุณที่ท่านได้ช่วยไว้เมื่อครั้งก่อน
โดยจะช่วยท่านให้พ้น จากตะข่ายเดียวนี้แหละ "
ว่าแล้วแม่หนูก็ใช้ฟันอันแข็งแรงที่มันมีเป็นความ สามารถอันวิเศษเหนือใคร ๆ
แทะเชือกที่เป็นตะข่ายอันนั้นให้เป็นการใหญ่... แล้วมันยังได้สั่งพวกลูก
ๆของมันว่า " พวกเจ้าจงดูแม่เป็นตัวอย่าง
อย่างนี้ แล้วปีนขึ้นมาช่วยกันแทะเชือกให้ขาดจากกันเร็ว ๆ "
ลูก ๆ ของมัน มองอย่างนึกเกรงกลัวความเหนียวของเชือก แต่ก็ได้ร่วมมือกันปีนขึ้นไป แล้วช่วยกันแทะเชือกให้
" นั่นนายพรานป่ากำลังเดินมาทางโน้นแล้วนั่น...เร็ว
ๆพวกเรารีบ ๆ ช่วยกัน " แล้วก็จริงอย่างที่แม่หนูได้พูดเพราะที่ไกลออกไปตรงลิบ
ๆนั้นนายพรานป่า ได้ถือปืนและกำลังเดินมาอย่างรวดเร็ว...และก็พอดีกับในเวลานั้น
ที่เชือก ได้ขาดออกจากกัน
ทำให้ราชสีห์ตกลงมาสู่พื้นดินและได้เป็นอิสระอีกครั้งหนึ่ง " ขอบคุณเป็นอย่างมากพวกหนูใจดีทั้งหลาย
เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า สัตว์ที่มีตัวเล็ก
ๆอย่างพวกท่านจะมีความตั้งใจสูงตอบแทนพระคุณ ได้อย่างที่เคยบอก เราต้องขอโทษที่แต่ก่อนนั้น
ไม่เชื่อว่าท่านจะช่วยเราได้ " เมื่อมันพูด
ขอบคุณและขอโทษเสร็จแล้ว ก็รีบวิ่งหนีหายไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว....
ถึงแม้ว่าจะตัวเล็กมีพลังแค่เพียงน้อยนิดก็ตาม
แต่ถ้าให้ความร่วมมือร่วมพลังกันแล้ว มันก็สามารถที่จะเปลี่ยนมาเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ได้อยู่เหมือนกัน
...